อาหาร ลดความดัน

อาหาร ลดความดัน

หัวข้อแนะนำ

อาหาร ลดความดัน   โรคความดันโลหิตสูง ​นั้นเป็นโรคที่อันตรายมากโรคหนึ่ง​ เนื่องจาก​ในช่วงแรกผู้ป่วยมักจะไม่ค่อยมีอาการใด ๆ​ กว่าจะรู้ตัวก็เกิดภาวะแทรกซ้อน​ที่รุนแรงอื่น ๆ​ ตามมาเสียแล้ว ความดันโลหิตสูง นับเป็นปัญหาเรื้อรังของระบบสาธารณสุขทั่วโลก​ รวมถึงประเทศไทย​ด้วย​ เนื่องจาก​สถานการณ์​โรคความดันโลหิตสูง​จะสืบเนื่อง​กับ​อายุ​ เมื่ออายุ​เพิ่มมากขึ้นก็มีความเสี่ยง​ที่จะเป็น​โรคความดันโลหิตสูง​มากขึ้นด้วยเช่นกัน​

อาหาร ลดความดัน

อาหาร ลดความดัน  โรค ความดันโลหิตสูง คือ

อาหาร ลดความดัน  ความดันโลหิตสูงคือค่าความดันภายในหลอดเลือดแดง ซึ่งเกิดจากการบีบตัวของหัวใจเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ​ ของ​ร่างกาย​ โดยจะวัดได้​ 2 ค่า​ ได้แก่

– ค่าความดันโลหิตตัวบน​: เป็นค่าความดันเลือดในขณะที่หัวใจบีบตัว

– ค่าความดันโลหิต​ตัวล่าง​: เป็นค่าความดันเลือดในขณะที่หัวใจคลายตัว

สำหรับภาวะความดันโลหิตสูง​นั้น​ ค่าที่วัดได้จะมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตร​ปรอท​ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ​ ตามมาได้​ เช่น​ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง​ หรือไตวาย​ เป็นต้น

วิธีการ​รับประทานอาหารที่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรค​ความดัน​โลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูงมักจะเกิดขึ้นมากในผู้สูงอายุ และถือว่าเป็นโรคเรื้อรัง​ ต้องดูแลรักษาตัวเองอย่างดี​ และสำหรับ​ในเมืองไทยเราถือว่า มีผู้ป่วยโรค ความดัน โลหิตสูง เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการดูแลเรื่องของอาหารการรับประทาน หรือโภชนาการถือว่ามีส่วนสำคัญมาก ๆ เรามาลองดูกันดีกว่า​ว่า​ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง​นั้นควรรับประทานอาหา​รอย่างไร

หลักการบริโภคอาหารเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูง หรือ DASHDiet (Dietary Approaches to Stop Hypertension Diet)

หลักการสำคัญของการรับประทานอาหารแบบ DASH คือ ลดการบริโภคอาหารที่มีเกลือโซเดียม ไขมันอิ่มตัว ไขมันรวมและคอเลสเตอรอลลง และเพิ่มการรับประทานใยอาหาร โปรตีน แคลเซียม แร่ธาตุต่าง ๆ อย่าง โปแตสเซียมและแมกนีเซียม ที่มีผลการศึกษาถึงการลดความดันโลหิตสูงได้

สัดส่วนการรับประทานอาหารตามหลัก DASH

สำหรับสัดส่วน​การรับประทาน​อาหาร​ตามหลัก DASH ใน 1 วัน จะประกอบด้วย

ธัญพืชชนิดต่าง ๆ โดยเน้นเป็นธัญพืชไม่ขัดสี 7-8 ส่วนบริโภค (หรือประมาณ 7-8 ทัพพี) เพื่อเพิ่มการรับประทานใยอาหารที่ช่วยการขับถ่ายและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
ผักและผลไม้อย่างละ 4-5 ส่วนบริโภค (หรือผักประมาณ 4-5 ทัพพี และผลไม้ 3 ส่วน) เพิ่มการรับประทานใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย โดยเน้นรับประทานผักและผลไม้สด หลีกเลี่ยงผักและผลไม้กระป๋องหรือผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ
เนื้อสัตว์ไขมันต่ำอย่างเนื้อปลา 2-3 ส่วนบริโภค (หรือประมาณ 4-6 ช้อนกินข้าว) รับประทานเนื้อแดงในปริมาณเหมาะสม การตัดส่วนไขมันหรือหนังของเนื้อสัตว์และเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ไขมันต่ำจะช่วยลดการบริโภคไขมัน นอกจากนี้การเพิ่มการรับประทานเนื้อปลาจะช่วยเพิ่มการบริโภคกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ และต้านการอักเสบ ซึ่งก็จะช่วยดูแลหลอดเลือดและบำรุงหัวใจได้อีกด้วย
น้ำมันหรือไขมัน 2-3 ส่วนบริโภค (หรือไม่เกิน 6 ช้อนชา) การรับประทานไขมันที่มากเกินไปก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นไขมันยังเป็นสารอาหารจำเป็นที่ช่วยให้การดูดซึมวิตามินชนิดที่ละลายน้ำ รวมถึงเป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย

ถั่วเปลือกแข็งชนิดต่าง ๆ เช่น อัลมอนด์ ถั่วลิสง เนื่องจากถั่วชนิดต่าง ๆ มีกรดไขมันชนิดที่ดีอยู่ ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3, 6, 9 แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป แม้ว่าจะเป็นแหล่งของไขมันที่ดี แต่เนื่องจากมีพลังงานที่สูง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายและไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ควรรับประทานประมาณ 30 กรัมหรือ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน
สำหรับ​การรับประทาน​อาหาร​ตามหลัก DASH​ นี้แนะนำให้ใช้เครื่องเทศหรือสมุนไพรต่าง ๆ​ ในการเสริมรสชาติอาหาร และลดการใช้เกลือหรือเครื่องปรุงที่มีโซเดียมสูงในการปรุงแต่งอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้อาหารตามแบบ DASH Diet ได้รับการแนะนำจากสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (american heart association) ให้เป็นแนวทางในการควบคุมโรคความดันโลหิตสูงนอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่รวบรวมประมวลผลอย่างเป็นระบบ (systematic review with meta-analysis) ยืนยันผลของการรับประทานอาหารแบบ DASH Diet ในผู้เข้าร่วมกว่า 2000 คน ผู้ที่รับประทานอาหารตามแบบ DASH Diet เป็นระยะเวลา 2-24 สัปดาห์ ถึงผลการลดลงของความดันโลหิต คอเลสเตอรอลรวมและคอเลสเตอรอลชนิด LDL อย่างมีนัยสำคัญ และลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจใน 10 ปีข้างหน้า ได้ถึงร้อยละ 13

10 อาหารที่เหมาะกับ​ผู้ป่วยโรค ความดัน​โลหิต​สูง ​ตามหลัก​ DASH​ Diet​

1.ข้าวแป้งที่ไม่ขัดสี

รับประทาน ข้าวแป้งที่ไม่ขัดสี ประมาณ 7-8 ทัพพี เพื่อเพิ่มใยอาหารในการขับถ่าย และโรคเรื้อรัง

2.เนื้อสัตว์​ไขมันต่ำ

รับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ​ เช่น​ เนื้อแดงที่ไม่ติดมันหรือไม่ติดหนังเพื่อลดการบริโภคไขมัน​​ และเพิ่มการรับประทานเนื้อปลาเพื่อให้ได้รับโอเมก้า 3​ เพื่อช่วยในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ป้องกันการอักเสบ และมีส่วนช่วยในการบำรุงหลอดเลือด

3. ผัก ผลไม้ สด

เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้สด​ 4-5 ทัพพี​​ โดยเน้นการรับประทานผักผลไม้สด​ ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งเป็นหลัก​ เพื่อเพิ่มใยอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ หลีกเลี่ยงผลไม้กระป๋องและแปรรูป

4. ไขมันดี

รับประทานน้ำมันหรือไขมันในปริมาณ​ ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน โดยเน้นรับประทานอาหารที่เป็นไขมันดี เพื่อให้ร่างกาย​ได้รับปริมาณไขมันที่เพียงพอ​ และช่วยในการดูดซึมวิตามินชนิดละลายน้ำ

5. ถั่ว​และ​ธัญพืช

เน้นรับประทานธัญพืช​และถั่วเปลือกแข็งชนิดต่าง ​ๆ​ เช่น​ อัลมอนด์​ ถั่วลิสง​ เป็น​ต้น​ เพื่อให้ได้ไขมัน​ที่ดี​ แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไปเนื่องจาก​ถั่วเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง​ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรรับประทาน​เกินวันละ 30 กรัม​ หรือวันละ 2​ ช้อนโต๊ะ​

6. กระเจี๊ยบ​แดง

จากผลวิจัยพบว่ากระเจี๊ยบ​แดงสามารถช่วยลด โรคความดันโลหิต ได้​ เนื่องจากมีสาร​แอนโทไซยานินที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือด

7. ขึ้นฉ่าย

มีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่าขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต​ ขับปัสสาวะ​ ลดบวม ควบคุมน้ำตาล​ ลดไขมัน​และต้านการอักเสบได้

8.​ กระเทียม

กระเทียม​เป็นพืชผักสวนครัวที่ต้องมีติดครัวกันทุกบ้าน​ นอกจากรสเผ็ดร้อนที่ช่วยเสริมรสชาติ​อาหาร​แล้ว​ ในกระเทียม​ยังมีสารเคมีที่สำคัญก็คือ​ Allicin​ ที่ช่วยลดความดันโลหิตและไขมันในเลือดได้ด้วย

9. ตะไคร้

เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่หลายคนนิยมนำมาทำอาหาร​ เนื่องด้วยสรรพคุณ​ที่หลากหลาย​ทั้งช่วยในเรื่องการขับปัสสาวะ ขับลม​และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย​แล้ว​ ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการลดความดันโลหิตสูงได้ดีทีเดียว

10. ฟ้าทะลาย​โจร​

สมุนไพรยอดฮิตที่มากด้วยสรรพคุณทางยา​ ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าสารในฟ้าทะลายโจรนั้นฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต ช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด และลดอัตราการเต้นของหัวใจไม่ให้เร็วจนเกินไป​ด้วย

7 วิธีการรักษาโรค ความดันโลหิตสูง ในผู้สูงอายุด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

อาหาร ลดความดัน  การรักษาโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามแนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป มีรายละเอียดดังนี้

  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือใกล้เคียงปกติ
  • ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน ในแต่ละวันอาจจะแบ่งออกกำลังเป็นช่วงสั้น ๆ ครั้งละ 10 นาที วันละ 3 ครั้ง
  • การจำกัดโซเดียมในอาหาร ควรบริโภคไม่เกิน 2300 มิลลิกรัม ต่อวัน สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ทั้งในผู้ป่วยที่มีความดันและไม่มีโรคความดันโลหิตสูง
  • การรับประทานอาหารตามแนวทาง DASH Diet
  • การจำกัดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • การหยุดบุหรี่ การเลิกบุหรี่อาจไม่มีผลต่อการลดความดันโลหิตโดยตรง แต่สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
  • การลดความเครียด รวมถึงการผ่อนคลายความเครียด และลดการวิตกกังวล